ดุลยธรรม ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ
Metaverse Economy จะเกิดขึ้นเป็นภาคต่อยอดของ digital economy ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นได้เร็วและแรงกว่า digital economy แบบเดิม หรือการแพร่กระจายของสื่อสังคมออนไลน์ social media เดิมที่ใช้เวลาประมาณ 5-10 ปี ในการพลิกโฉมระบบเศรษฐกิจของหลายประเทศและหลายธุรกิจอุตสาหกรรม คาดว่าไทยไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลง
ในขณะที่ไทยมีความพร้อมในการเตรียมรับมือของกิจการต่าง ๆ ในระดับต่ำถึงปานกลาง ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ ภาควิชาการ และโครงสร้างพื้นฐานยังมีความพร้อมไม่มากนัก จะอยู่ในฐานะผู้ซื้อและผู้ใช้เทคโนโลยีต่อไป ไม่ใช่ในฐานะผู้ผลิต
แต่ก็สามารถใช้ประโยชน์และสร้างนัยยะสำคัญทางเศรษฐกิจ (Economic implications) ได้ Metaverse Economy คือ โอกาสทางเศรษฐกิจมหาศาลจากโลกใหม่ที่หลอมรวม โลกจริง กับโลกเสมือนจริงผ่าน 3D virtual universe เกิดสิ่งที่เป็น Second Life ซึ่งจะเป็นการทดลองครั้งสำคัญของ Virtual Economics
นอกจากนี้จะเกิด Remote Work ขึ้นมากมาย เป็นโอกาสของธุรกิจ Home Stay กิจการอสังหาริมทรัพย์บางประเภทภาคท่องเที่ยวไทย และทำให้เกิด High Fidelity Mataverse ที่เป็น Open source tools สำหรับทุกคนในการสร้างสิ่งที่ฝันไว้และสามารถบันทึกไว้ใน Blockchain นำมาขายได้ผ่าน High Fidelity Community
การซื้อขายทางออนไลน์จะเปลี่ยนจากการเห็นเพียงข้อมูล รูปภาพหรือเสียง เป็นสามารถสัมผัสสินค้าหรือบริการได้ และจะมีการพัฒนาสินค้าในรูปของดิจิทัลเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว เทคโนโลยีเสมือนจริงจะทำให้ภาคผลิตลดต้นทุนมหาศาลจากการลองผิดลองถูก ความแม่นยำและประสิทธิภาพสูงขึ้น
การเกิดขึ้นของ Metaverse จะเปลี่ยนแปลง Disrupt ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมต่าง ๆ ระบบเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และจะมาแรง เร็ว และยาวนาน การพัฒนาขั้นสูงสุดของอินเทอร์เน็ตของ Metaverse 3 ของอินเทอร์เน็ต (Metaverse) เมื่อบวกเข้ากับ Quantum Computing จะไปไกลกว่าอินเทอร์เน็ตที่อยู่ในมือถือ คอมพิวเตอร์หรือ IPad หรือ Laptop ด้วยเทคโนโลยี 5G (6G-7G จะตามมา)
ด้วยเทคโนโลยี VR, AR ด้วย Blockchian, NFTs, Machine learning (AI) ตอนนี้ดูเหมือนทุกอย่างพร้อมแล้วที่จะทำให้รอยต่อระหว่างโลกกายภาพกับโลกดิจิทัลเชื่อมต่อกันไร้รอยต่อ ไม่สะดุดหยุดชะงัก โครงสร้าง Metaverse เกี่ยวข้องกับกิจการทั้ง ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จะทำให้เกิดการจ้างงานจำนวนหนึ่งจากการผลิตสินค้าและการให้บริการใหม่ แต่ตลอดทั้งกระบวนการของโครงสร้างนี้จะ Disrupt กิจการเดิมตลาดแรงงานเดิมมากเช่นเดียวกัน
กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์เต็มที่ และมีการขยายตัวสูง คือ กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม 5G-6G ที่ให้บริการโครงข่ายมือถือและ fixed Broadband จะได้ประโยชน์เต็มที่ รวมทั้งกลุ่มสินค้าไอทีและอุปกรณ์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ธุรกิจฟินเทคและธุรกิจแพลตฟอร์ม ธุรกิจบันเทิงและการทำงานเสมือนจริง
ในระยะยาวกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ คือ กิจการค้าปลีกแบบเดิม ธุรกิจธนาคารและการลงทุนแบบเดิม ธุรกิจตัวแทนหรือคนกลางในภาคท่องเที่ยว ภาคการศึกษา บริการการเงินและการลงทุน ธุรกิจให้เช่าสำนักงาน ศูนย์แสดงสินค้าการประชุมขนาดใหญ่ กิจการพลังงานแบบเดิม น้ำมันปิโตรเลียม ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ อุปสงค์จะลดลงเรื่อย ๆ
ผลิตภัณฑ์และบริการหลายอย่างจะหายไปจากตลาดถูกแทนที่โดยสินค้าและบริการใหม่ ๆ จากผลของ Metaverse และ Quantum Computing ระบบเศรษฐกิจ ระบบการศึกษา ระบบการเงิน การท่องเที่ยว ความบันเทิง ระบบทำงาน ยังคงทำหน้าที่ของมันแต่มีรูปโฉมใหม่ จะกลายเป็นภาวะปกติใหม่ความคุ้นชินใหม่
ความเหลื่อมล้ำอาจเพิ่มขึ้นหากการเข้าถึงต่างกันมาก จึงเป็นหน้าที่ของรัฐในการแก้ไขให้เกิดการเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสถาบันและกฎระเบียบให้สนับสนุนการเติบโตและเข้าถึงอย่างเสมอภาค
ขณะเดียวกันคุณภาพชีวิตมนุษย์จะดีขึ้นก้าวกระโดดพร้อมกับเสรีภาพในการเลือกจะสูงขึ้นมาก
ตำแหน่งงานจำนวนมาก ๆ จะหายไปเช่นเดียวกับที่เราเกรงว่าระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และสมองกลอัจฉริยะจะมาแทนที่แรงงานมนุษย์ เศรษฐกิจไหนหรือสังคมไหนไม่เตรียมรับมือให้ดีจะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมรุนแรง ขณะเดียวกันเทคโนโลยีใหม่ ๆ Megaverse, Quantum computing จะทำให้เกิดงานและลักษณะงานใหม่ และตำแหน่งงานใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา
เราสามารถทำงานจากที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ในโลกโดยไม่ต้องเข้าไปสถานที่ทำงาน การลงทุนสำนักงานใหญ่โตจะเป็นต้นทุนที่ไม่จำเป็น รูปแบบของการศึกษาเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยจะเปลี่ยนแปลงไป การแพทย์ทางไกลจะเป็นไปได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น ชีวิตโดยเฉลี่ยของมนุษยชาติควรยืนยาวขึ้น
การใช้พลังงานฟอสซิลดั้งเดิมเพื่อการเดินทาง ขนส่งของระบบเศรษฐกิจโลกจะลดลงมหาศาล การใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนระบบนิเวศหรือ Eco System ของ Metaverse จะเพิ่มขึ้นชัดเจน
จึงขอเสนอให้รัฐบาลเพิ่มงบลงทุนวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพ และสนับสนุนการผลิตหุ่นยนต์ทางการแพทย์และเภสัชกรรม บริการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขทางไกล ด้วยการปรับงบประมาณ 2565 ใหม่ และวางแผนงบปี 2566 ให้นำไปใช้ส่งเสริมงานวิจัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เพียงพอ ควรลงทุนวิจัยเกี่ยวกับหุ่นยนต์นาโน (Nano-Robot) พลิกโฉมวงการแพทย์ต่อสู้กับโรคระบาดอุบัติใหม่ในอนาคต
ควรส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยและหน่วยงานวิจัยศึกษาเรื่อง Micro and Nabo-robotic Technology for medical and Pharmaceutical Application ควรมีงบประมาณในการจัดหาหุ่นยนต์ใช้ติดตามผู้ป่วย เป็นหุ่นยนต์ที่แพทย์สามารถควบคุมจากระยะไกลผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ฯลฯ
ให้เกิดการหลอมรวม บูรณาการ และการทำงานแบบเครือข่าย มีการหลวมรวมของภาคเศรษฐกิจสำคัญและกิจการหลายอย่างเข้าด้วยกัน เช่น หลอมรวมกิจการด้านโทรคมนาคม กับ เทคโนโลยีสารสนเทศ และสื่อสารมวลชน บูรณาการกันระหว่างธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมกับธุรกิจบริการการเงิน
กระบวนการเปลี่ยนสู่ดิจิทัล (Digitization) และเป็นโลกเสมือนจริง (Virtualization) การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวนำในกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะสร้างการเติบโตทางธุรกิจ 3 ประการคือ
1. การใช้ทรัพยากรเมื่อต้องการ (Resource on Demand) ภายใต้เศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) 2. การใช้ศักยภาพของบุคลากรเมื่อต้องการ (Talent on Demand) ในรูปแบบของแรงงานอิสระ 3. การแสวงหาความรู้และข้อมูลที่จำเป็นเมื่อต้องการ (Intelligence on Demand) ผ่านทาง Crowds และ Cloud
เทคโนโลยีที่เป็นเสาหลักในยุค Digital Economy ประกอบด้วย Cyber Physical System,Cloud Computing ,Big Data Analytics,System Security,3D Printing ,Augmented Reality และหุ่นยนต์ที่ออกแบบขึ้นมาโดยมีพื้นฐานเลียนแบบร่างกายมนุษย์ หรือ Humanoid Robots การเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค Digital Economy จะอาศัยการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นตัวนำ ทำให้สภาพแวดล้อมในการทำงาน รูปแบบกระบวนการทำงานและกลยุทธ์ รวมทั้งโครงสร้างองค์กรแตกต่างไปจากเดิม
อ่านข่าวต้นฉบับ: Metaverse Economy โอกาสทางเศรษฐกิจโลกจริง-โลกเสมือน